รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งทุกอำเภอพิจารณาการบริหารเชื้อเพลิงตามระบบ Fire-D ให้เหมาะสมในช่วงเริ่มต้นฤดูเพาะปลูก เน้นใช้มาตรการที่ไม่ต้องเผา
.
วันนี้ (21 ก.พ. 67) ที่ ห้อง War Room ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดเชียงใหม่  นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการศูนย์บัญชาการไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)  เพื่อติดตามสถานการณ์และสรุปผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา  โดยในวันนี้ พบจุดความร้อน จำนวน 38 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่อำเภอเชียงดาว อำเภอหางดง อำเภอพร้าว อำเภอสันกำแพง และอำเภอฮอด  ขณะที่การคาดการณ์ค่าคุณภาพในช่วง 7 วันข้างหน้า โดยเฉลี่ยจะยังคงอยู่ในระดับสีส้ม คือ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ  
.
ขณะเดียวกันที่ประชุมได้รายงานสถานการณ์ในประเด็นที่หลายฝ่ายกำลังเฝ้าจับตามอง คือ การเกิดไฟป่าที่บริเวณอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เมื่อคืนวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา  ซึ่งเจ้าหน้าที่กว่า 50 คน ได้เร่งเข้าไปทำการดับไฟได้อย่างรวดเร็ว  เบื้องต้นจากการประเมินสถานการณ์ คาดว่า เกิดจากการเผาป่าเพื่อล่าสัตว์ เนื่องจากบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่ใกล้ลำห้วย  จึงเป็นจุดศูนย์รวมของสัตว์  และหลังเกิดเหตุได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปยังพื้นที่ทันที  เพื่อเร่งหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย  แต่ยังไม่พบตัวผู้กระทำผิด  ซึ่งต้องเร่งสืบสวนต่อไป  พร้อมทั้งนำเฮลิคอปเตอร์ไปโปรยน้ำเพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป้องกันไฟลุกไหม้อีก  ส่วนอีกเหตุการณ์ คือ เหตุไฟป่าบนดอยหลวงเชียงดาว  ซึ่งภายหลังเกิดเหตุได้ระดมเฮลิคอปเตอร์จากหลายหน่วยงานไปโปรยน้ำเพื่อดับไฟ  เนื่องจากเป็นหน้าผาสูงชัน  ล่าสุด สามารถดับไฟไว้ได้ทั้งหมดแล้ว  ยังคงเหลือเพียงกลุ่มควันบริเวณช่วงที่เป็นหน้าผา  ซึ่งในวันนี้จะได้นำเฮลิคอปเตอร์บินตรวจสอบสถานการณ์อีกครั้ง
.
ขณะเดียวกัน นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้กล่าวในที่ประชุมว่า หลังจากผ่านพ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะเริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายของช่วงฝุ่นควัน  ซึ่งจะเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูก พี่น้องเกษตรกรจะเริ่มเตรียมพื้นที่ดินสำหรับเพาะปลูกให้ทันกับช่วงฤดูฝน  จะเห็นได้จากการที่ยังคงมีคำขอใช้ไฟเพื่อบริหารเชื้อเพลิงในระบบ Fire-D  จึงอยากให้ทุกอำเภอพิจารณาการอนุมัติตามที่เห็นว่ามีความเหมาะสมหรือจำเป็นจริงๆ  และให้หาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรโดยไม่ต้องใช้วิธีการเผา  เช่นเดียวกับมาตรการที่จังหวัดได้ใช้เมื่อช่วงเริ่มต้นควบคุมสถานการณ์ฝุ่นควัน  แต่หากมีความจำเป็นต้องบริหารจัดการเชื้อเพลิง ก็ขอให้ดำเนินการในวันที่มีการระบายอากาศที่ดี  ส่วนด้านมาตรการลดผลกระทบ อยากให้มีการเพิ่มห้องลดฝุ่น รวมถึงจัดบริการทางการแพทย์สำหรับรองรับบุคคลกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะในพื้นที่ประสบภัย  พร้อมทั้งแจ้งเตือนค่าคุณภาพอากาศและให้คำแนะนำให้รับทราบอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นมีอยู่กว่า 420,000 คน ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด  นอกจากนี้ ในเรื่องของการติดต่อสื่อสารของเจ้าหน้าที่  ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้ประสานกับสำนักงาน กสทช. ให้เข้ามาช่วยสนับสนุนดูแลวิทยุสื่อสารของเจ้าหน้าที่ดับไฟ  เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้ติดต่อสื่อสารได้อย่างสะดวกในขณะปฏิบัติหน้าที่ หรือ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
.